วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

นามบัตร ค่ะ



นางผกามาศ มุ่งต่อกิจ
1153106070077
คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์
สาขา ออกแบบแฟชั่นและการจัดการ

4 เคล็ดลับกับความสวยแบบประหยัด

ใครที่อยากสวย แต่ไม่อยากเสียเงินแพง ๆ วันนี้เรามีเคล็ดลับในการสวยแบบประหยัดมาฝาก


มาร์คหน้า


      ผลไม้มาร์คหน้า
     การนำผลไม้ที่รับประทานเป็นประจำมามาร์คหน้า คือการประหยัดและยังช่วยในการดูแลผิวแบบธรรมชาติ ผลไม้หลาย ๆ ประเภท จะมีสารสกัดที่ดีต่อผิว เช่น ผลไม้ไม้เปรี้ยว ๆ อย่าง สับปะรด, มะม่วงสุก, มะเฟือง, ส้ม ฯลฯ ที่มีกรดผลไม้ที่ดีต่อการทำให้ผิวขาวใส เรียบเนียน ขอแนะนำว่าควรผสมอย่างอื่นเพื่อลดความเป็นกรดลงด้วย เช่น โยเกิร์ตหรือน้ำผึ้ง
      สครับริมฝีปาก
     ริมฝีปากที่นุ่ม ชุ่มชื่นทำให้ดูดีขึ้น วิธีประหยัด คือ การนำกระวานป่น 1 ช้อนชา มาขัดริมฝีปากหลังล้างหน้า ถึงแม้จะมีรสเผ็ด แต่ได้ผลดีต่อริมฝีปาก จากนั้นล้างออกแล้วบำรุงด้วยลิปบาล์มอีกครั้ง
      อบไอน้ำสมุนไพร     อบไอน้ำแบบประหยัด คือ นำใบมะกรูด ข่า ขิง มะนาว มาต้มในหม้อให้พออุ่น จากนั้นวางพักในจุดที่พอก้มหน้าให้ไอร้อนสัมผัสผิวได้อ่อน ๆ หรืออาจนำผ้ามาคลุมศีรษะและหม้อน้ำให้ไอน้ำไม่ระเหยเร็วก็ได้ ความร้อนและสมุนไพร จะช่วยเปิดรูขุมขนและดีท็อกซ์ให้ผิวหน้าให้สะอาดสดใส จากนั้นล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับผิวอีกรอบ
      ผลไม้เพื่อผมสวย
     ลองนำ กล้วยน้ำว้า แตงโม น้ำส้ม และน้ำมะกรูด มาบดผสมรวมกัน แล้วนำมาหมักเส้นผมทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก จะทำให้เส้นผมมีได้กลิ่นหอม ๆ จากผลไม้แล้ว ยังทำให้เส้นผมได้รับคุณค่าบำรุงใหม่ ๆ อีกด้วย


ถ้าอยากสวยแบบประหยัด ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้

วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เคล็ดลับแต่งสวยอำพรางหุ่น


สำหรับคุณผู้หญิงที่รู้ตัวว่าหุ่นไม่ดี รู้ไหมค่ะ ว่าการแต่งตัวนั้นช่วยอำพรางและปกปิดหุ่นด้วยการใส่เสื้อผ้าให้ดูดีขึ้นได้ ด้วยเคล็ดไม่ลับที่นำมาฝากกันต่อไปนี้ค่ะ
คุณผู้หญิงที่มีขาใหญ่สามารถแก้ไขได้โดยการเลือกสวมเสื้อผ้าหลวมๆ ให้มีความสมดุลกันทั้งส่วนบนและล่าง อาจสวมกางเกงขาตรงๆ แต่อย่าให้ฟิตที่ต้นขา หรือถ้าจะมีเสื้อคลุมพอดีตัวสวมทับ หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อเอวลอย เอวจั๊มพ์ กางเกงขากว้าง และกระโปรงบานๆ ย้วยๆ เพราะใส่แล้วจะยิ่งทำให้ขาของคุณผู้หญิงดูใหญ่ขึ้นค่ะ
คุณผู้หญิงที่มีขายาวเรียวลีบเวลาที่คุณผู้หญิงแต่งตัวควรใส่กระโปรงทรงแคบ ยาวเหนือเข่าจะดีที่สุด
คุณผู้หญิงที่มีน่องใหญ่คุณผู้หญิงที่มีน่องใหญ่ควรใส่โปรงยาวครึ่งน่อง รองเท้าส้นสูงเล็กน้อย ยิ่งถ้าเป็นแบบเปิดหลังเท้า จะช่วยให้ขาดูเรียวยาวขึ้น ที่สำคัญ ทั้งกระโปรง ถุงน่อง และรองเท้าควรจะเป็นสีหรือโทนเดียวกัน
คุณผู้หญิงที่มีสะโพกใหญ่ให้ใส่กระโปรงที่มีตะเข็บหลัง หรือเดินเส้นทรงเอ หรือสวมเสื้อตัวยาวๆ อาจมีดีไซน์เดินเส้นยาวที่ด้านหลัง อย่าสวมกระโปรงรัดรูป หรือเอวรูด เพราะจะทำให้สะโพกดูใหญ่เพิ่มขึ้นไปอีก
คุณผู้หญิงที่มีต้นแขนใหญ่สำหรับคุณผู้หญิงที่มีต้นแขนใหญ่ ควรพยายามเลือกใส่เสื้อผ้าเนื้อนิ่มๆ บางเบา พวกเสื้อเข้ารูปฟิตพอดีตัว
คุณผู้หญิงที่มีหน้าอกใหญ่ไม่ควรสวมเสื้อคอวี ไม่ว่าจะมีปกหรือไม่ก็ตาม พวกเสื้อยืด เสื้อตัวเล็กๆ ฟิตๆ หรือเสื้อลายขวาง แขนกุดก็ต้องลืมไปเลย ส่วนกระโปรงก็เลือกที่ยาวกว่าเข่า หรือระดับเข่าก็จะทำให้หุ่นดีขึ้น
ถ้าคุณผู้หญิงอยากใส่เสื้อผ้าให้ดูดีขึ้น ลองนำเคล็ดไม่ลับที่นำมาฝากกันนี้ นี้ไปปฏิบัติตามกันดูได้นะคะ...

วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

18 เคล็ดลับสุขภาพดี



สุขภาพดีอาจจะหาซื้อไม่ได้แต่เป็นเจ้าของได้แน่นอน ถ้าสาวๆ ทำตามเคล็ดลับเหล่านี้

   1. แอปเปิ้ล แตงโม กล้วย กีวีต้องระวังผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้มีประโยชน์มาก แต่ถ้าคุณกำลังทานยาปฏิชีวนะอยู่ ผลไม้พวกนี้จะกลายเป็นโทษทันทีเพราะมันบูดในลำไส้ได้ง่าย อาจจะทำให้เกิดอาการอักเสบในระบบทางเดินอาหารได้

   2. ผลไม้กับมื้ออาหารก่อนทานอาหารควรจะเรยีกน้ำย่อยด้วยสับปะรดและมะละกอสัก 2-3 ชิ้น ผลไม้สองชนิดนี้มีเอนไซม์ที่จะช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารมื้อหลักที่กำลังจะตามลงมาได้ง่ายขึ้น และหลังจากจบมื้ออร่อยแล้วควรตบท้ายด้วยแอปเปิ้ลสัก 1 ชิ้นเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำลายซึ่งจะทำให้จำนวนแบคทีเรียในช่องปากลดลง และช่วยให้เหงือกแข็งแรงด้วย

   3. อย่าปล่อยให้หิว
ควรจะทานอาหารให้ตรงเวลาทุกวันแม้จะยังไม่รู้สึกหิวก็ตาม เพราะเวลาที่เราหิวร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนควมเครียดออกมา ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เป็นประจำก็จะทำให้คุณกลายเป็นสาวเครียด และนำไปสู่อาการความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือเบาหวาน

   4. เนื้อสัตว์กับผลไม้ไม่เข้ากัน
ถ้าทานน้อยๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามื้อไหนคุณทานเนื้อเป็นจำนวนมากแล้วควรจะงดผลไม้ไป เพราะกว่าเนื้อจะย่อยหมดต้องใช้เวลานาน ส่าวนผลไม้ซึ่งย่อยเร็วจะถูกกักอยู่ในกระเพาะ จึงทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารได้

   5. นาฬิกาชีวภาพหลักการสุขภาพดีบอกไว้ว่าเราควรจะเข้านอนในเวลาเดียวกันทุกๆ วัน แต่ส่วนใหญ่พอถึงคืนวันศุกร์กับวันเสาร์เรามักจะนอนดึกเพราะถือว่าเป็นวันหยุด การทำอย่างนี้จะทำให้ความเคยชินหรือที่เรียกว่าชีวภาพของร่างกายรวรเร จึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่วันจันทร์เราจะง่วงนอนกว่าปกติ

   6. ความเครียดทำลายผิว
ถ้าอยากผิวสวย แก่ช้า ดูอ่อนกว่าวัย สิ่งแรกที่ต้องปรับคือความคิดของตัวเราเอง พยายามคิดในทางบวก มองโลกในแง่ดี หลีกเลี่ยงความคิดที่ทำให้ตึงเครียด เพื่อไม่ให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกทำลายตัวเราเอง

   7. หลีกเลี่ยงภาชนะพลาสติก
เพราะความร้อนรวมทั้งรสชาติเผ็ดเปรี้ยว เค็มจากอาหารสามารถเข้าไปกัดเซาะสารสังเคราะห์ในพลาสติกให้ละลายออกปะปนกับอาหารได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะการใช้ภาชนะพลาสติกใส่อาหารเข้าอุ่นในเตาไมโครเวฟยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง เพราะเป็นการเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมเป็นอย่างมาก

   8. อย่าประมาทอาการไอเรื้อรังหลังจากหายหวัดแล้วอาการไออาจจะยังไม่หายไป แต่สาวหลายคนมักจะไม่สนใจเพราะคิดว่าอาการไอเป็นเรื่องชิลๆ แต่ที่จริงอาการไอเรื้อรังร้ายแรงกว่าที่คุณคิด เพราะมันอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ยาปฏิชีวนะ ที่หมอให้มารักษาอาการหวัดไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ วิธีหยุดอาการไอที่ได้ผลที่สุดคือการดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อลดเสมหะในทางเดินหายใจ และนอนหลับให้เพียงพอเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้เต็มที่

   9. เท้าและข้อเท้าบวม
ถ้ามีอาการแบบนี้อย่าปล่อยไว้ เพราะฝ่าเท้าเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาททั่วร่างกาย ถ้าบริเวณเท้ามีปัญหาก็จะส่งผลถึงร่างกายทุกส่วน วิธีแก้ไขคือให้นั่งยองๆ ทุกวันๆ ละ 15 นาทีจากนั้นก็ขยับข้อเท้าไปข้างหน้าและข้างหลังเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น หลังจากนั้นใช้แปรงขนนุ่มๆ แปรงผิวหนังเบาๆ โดยเริ่มจากฝ่าเท้าแล้วค่อยๆ ปัดไล่ขึ้นมาที่ข้อเท้า น่อง ต้นขา ท้อง แขนไปจนสุดที่มือทั้งสองข้าง (ยกเว้นผู้ที่เป็นเบาหวานเพราะเสี่ยงจะเกิดบาดแผล) ตบท้ายด้วยการอาบน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น

   10. งดเครื่องดื่มคาเฟอีน
เครื่องดื่มพวกนี้ไม่ว่าจะเป็นชาหรือกาแฟ ปกติก็ไม่ควรดื่มอยู่แล้ว แต่ถ้าบังเอิญคุณเป็นโรคปวดหลัง เครื่องดื่มพวกนี้จะเป็นศัตรูของคุณไปทันที เพราะคาเฟอีนจะไปลดการหลั่งสารเอนโดรฟินซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดตามอวัยวะต่างๆ อาการปวดของคุณก็จะไม่หายหรืออาจจะเป็นมากขึ้นด้วย

   11. ดื่มน้ำเร็ว...อันตราย
ใครๆ ก็บอกว่าควรจะดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว แต่ต้องค่อยๆ ดื่มไปตลอดวัน ไม่ใช่ทั้งวันไม่ดื่มเลย แล้วมารวบยอดเอาในครั้งเดียว เพราะการดื่มน้ำปริมาณมากๆ ในครั้งเดียวอาจทำให้เกิดอาการน้ำเป็นพิษเนื่องจากเลือดเจือจาง และอาจทำให้เป็นตะคริว กล้ามเนื้อเกร็งตามมา ยิ่งถ้าอาการเกร็งไปเกิดที่สมอง หัวใจ หรือปอด ก็อาจจะทำให้ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้

   12. แดดอ่อนตอนเช้า
แสงแดดยามเช้าจัดว่าเป็นยาตามธรรมชาติที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ นอกจากทำให้กระดูกแข็งแรงแล้วยังทำให้อารมณ์ดี เพราะแดดอ่อนๆ มีวิตามินที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข ออกมาต่อต้านอาการซึมเศร้าในตัวเรา คนที่เดินเล่นรับแดดอ่อนจึงมีหน้าตาเบิกบานกว่าคนที่มัวแต่หลบแดดอยู่ในบ้านมาก

   13. เบาหวานอย่าทานไข่
ถ้าสมาชิกในครอบครัวคุณคนไหนเป็นเบาหวาน ควรให้เขางดไข่ไปเลย เพราะมีรายงานทางการแพทย์ว่าถ้าคนที่เป็นเบาหวานทานไข่อาทิตย์ละ 1 ฟอง จะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจมากขึ้น

   14. อยากผอมต้องน้ำเย็นการดื่มน้ำเย็น 50 ออนซ์ จะช่วยเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นวันละ 50 แคลอรี ช่วยให้น้ำหนักลดลงปีละ 2.5 กิโลกรัม เพราะเมื่อเราดื่มน้ำเย็นร่างกายต้องใช้พลังงานในการทำให้น้ำนั้นเปลี่ยนอุณหภูมิเป็นอุณหภูมิปกติก่อน แล้วจึงนำไปใช้ได้ จึงเป็นการใช้พลังงานมากกว่าเดิม

   15. สุขภาพดีทันทีที่ตื่น
ถ้าอยากดูแลสุขภาพพร้อมกับการเริ่มต้นวันใหม่ ทันทีที่ตื่นนอนสาวๆ ควรผสมน้ำส้มสายชู (ที่หมักจากผลแอปเปิ้ล) กับน้ำผึ้งในสัดส่วนเท่ากัน ใส่น้ำอุ่นนิดหน่อย คนให้เข้ากันแล้วนำมาดื่ม จะช่วยให้การดูดซึมของระบบลำไส้และการเผาผลาญของร่างกายทำงานได้ดีตลอดวัน

   16. ผู้ชายอย่าพลาดมะเขือเทศ
สำหรับหนุ่มซ่าที่กำลังเริ่มมีอาการเตะปี๊ปไม่ดังหรือกลัวว่าจะเป็นหมัน มะเขือเทศคือผลไม้ที่คุณจะพลาดไม่ได้ เพราะมะเขือเทศสุกมีสารโคปีนสูงมาก ช่วยให้ต่อมลูกหมากทำงานได้ดี ประสิทธิ์ภาพและสมรรถภาพต่างๆ จึงทำงานได้เป็นปกติ ถ้าผู้ชายทานมะเขือเทศอย่างน้อยอาทิตย์ละ 10 ผลหรือมากกว่านั้น ความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ก็จะน้อยลง 45 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญควรจะทานแบบสุกๆ เช่น ทานเป็นน้ำพริกอ่อง สปาเก็ตตี้ เพราะเวลามะเขือเทศถูกความร้อนมันจะปล่อยสารไลโคปีนออกมามากขึ้น

   17. ป้องกันกรดในกระเพาะอาหาร
สำหรับที่ท้องอืดบ่อย ควรลดปริมาณการดื่มน้ำผลไม้เข้มข้นอย่างเช่น มะนาว ส้ม ส้มโอ เกรฟฟรุต หรือน้ำมะเขือเทศสดนั่น เพราะน้ำพวกนี้มีกรดมากทำให้ท้องอืด หรือถ้าเสพติดไปแล้วอดไม่ได้จริงๆ ก็อาจจะทำให้เจือจางลงด้วยการผสมน้ำมากๆ

   18. หลบอัลไซเมอร์ด้วยเกม
ถ้าไม่อยากเป็นอัลไซเมอร์หรือเป็นโรคขี้หลงขี้ลืม สาวๆ ควรจะฝึกสมองด้วยการเล่นเกมที่ต้องใช้สมาธิ เช่น ปริศนาอักษรไขว้ เกมในคอมพิวเตอร์ หรืออาจจะทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิอย่างเรียนดนตรี เล่นหมากรุก เป็นต้น เพราะเกมเหล่านี้จะช่วยให้ระบบประสาททำงานเชื่อมต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพ





วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

เรื่องสวยๆ งามๆ ที่เจ้าสาวมักพลาด

ผู้หญิงเราใคร ๆ ก็อยากสวย อยากดูดีที่สุดในวันแต่งงานของตัวเอง ถูกไหมคะ?   แต่เพราะความมุ่งมั่น อยากสวยและความตื่นเต้นอย่างนี้ล่ะค่ะที่ทำให้สาว ๆ พลาดมาหลายคนแล้ว  ซึ่งการพลาด (เรื่องความงาม) ในวันแต่งงานนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาแก้ตัวกันได้ซะด้วยสิคะ  เพราะฉะนั้นเรื่องพลาด ๆ เหล่านี้คุณ (ว่าที่เจ้าสาว) ควรเรียนรู้ไว้ค่ะ
 1.  แต่งหน้ามากเกินไป  แน่นอนว่างานแต่งคืองานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ของคุณ แต่นั่นไม่ได้หมายความคุณต้องแต่งหน้ามากจนกลายเป็นเวอร์ น้อยแต่มาก หรือ Less is more นั้นใช้ได้ไม่ตกยุคค่ะ
 2.  ยึดติดกับเทรนด์มากเกินไป  สมมุติว่าช่วงปีนี้เทรนด์การแต่งหน้าแบบแวววาวมาแรงเหลือเกิน และแน่นอนว่าคุณอยากจะแต่งบ้าง หยุดคิดสักนิดหนึ่งค่ะ  อีกสัก 5 ปีต่อมาคุณคงไม่ต้องการเห็นรูปคุณในการแต่งหน้าแบบแวววาวอีกแล้ว เพราะมันคงดูเชยมาก เพราะฉะนั้นการแต่งหน้าแบบไร้ซึ่งกาลเวลา (คือสวยทุกครั้งที่เห็น แบบคลาสสิก)  ที่เน้นความเป็นธรรมชาติน่าจะดีกว่าไหมคะ
 3.  อย่าให้ใครมาฝืนใจคุณ  เจ้าสาวหลายคนพลาดเพราะเชื่อเพื่อน หรือพ่อแม่ พี่น้อง บางคนแม่มีอิทธิพลมาก ลิปสติกต้องสีนี้ ตาต้องสีนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ชอบแต่ต้องทำตาม นั่นคือคุณพลาดแล้ว  ทำที่ใจชอบ และเหมาะกับคุณดีกว่าค่ะ
 4.  อย่าทำอะไรปุปปับ  ว่าที่เจ้าสาวส่วนมากมักจะเสริมความงามกันใกล้ ๆ วันงาน อย่างไปขัดหน้า ขัดตัว ขัดฟัน ฯลฯ ก่อนงานเพียงสัปดาห์เดียว  ซึ่งไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง เพราะคุณอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น สิวปะทุ หน้าเยินโดยที่ไม่มีเวลาแก้ไข  ทางที่ดีคุณควรทำหลาย ๆ อย่างให้เป็นนิสัยก่อนหน้านั้น ทั้งการดูแลผิวพรรณ การรับประทานอาหารที่ดี หมั่นออกกกำลังกาย ดื่มน้ำให้มาก นอนให้พอ และลดคาเฟอีน
 5.  อย่าลืมอุปกรณ์จำเป็น  ถามช่างแต่งหน้าของคุณก่อนวันงานว่าอะไรคือสิ่งจำเป็นที่ต้องมีไว้เพื่อให้คุณดูสวยตลอดวัน  ไม่ว่าจะเป็นกระดาษซับมัน แป้งที่ช่วยควบคุมความมัน ลิปสติกที่ใช้เติม มาสคาร่ากันน้ำ เผื่อว่าคุณต้องเสียน้ำตา ฯลฯ จะได้ไม่พลาดค่ะ
 6ลุคผิดๆ หลายคนชอบก๊อปปี้ลุคที่ชอบจากแม็กกาซีน ซึ่งบางครั้ง ภาพลักษณ์ (การแต่งหน้า แต่งตัว ฯลฯ)  อย่างนั้นก็ไม่เหมาะกับคุณเลย เรียกว่าพลาดตั้งแต่ต้นแล้วค่ะ
 7.  สวยใสมากไป  เพื่อให้ดูสวยใสเจ้าสาวหลายคนเลยพึ่งการแต่งหน้าแบบใช้ไฮไลท์ชนิดทั่วทั้งใบหน้า ซึ่งการใช้ไฮไลท์มากเกินไปนั้น เวลาถ่ายรูปออกมาหน้าคุณจะดูมันจนเกินงาม ถ้าจะใช้ไฮไลท์ควรแค่บริเวณโหนกแก้ม กับรอบดวงตาก็พอค่ะ
 8.  ชอบกลอสเหลือเกิน  ควรหลีกหนีจากกลอสที่มันวาว ในวันสำคัญนี้ ธรรมชาติของลิปกลอสนั้นไม่ติดทนนาน เพราะฉะนั้นในวันที่สมบุกสมบัน กลอสเอาไม่อยู่ค่ะ เพื่อไม่ให้ดูโทรมใช้ลิปสติกแบบครีม หรือแบบด้านจะปลอดภัยกว่า
 ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ กันพลาดค่ะ

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

เรื่องสวยๆๆงามๆๆ

1. กิน หวาน มากทำให้ผิวเหี่ยว จริงหรือ?เฉลย…จริง เพราะเมื่อร่างกายมีน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดมากเกินไป มันจะไปเกาะติดกับเส้นใยโปรตีนที่อยู่ระหว่างเซลล์ผิว ทำให้เกิดภาวะผิวเครียดขึ้น และนำไปสู่อาการแก่ก่อนวัย ผิวหยาบกร้าน และเหี่ยวย่น ในที่สุด

   2. การยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้า จะทำให้ผิวหน้าดูสดใส จริงหรือ?
เฉลย…จริง โดยการยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้า ก้มตัวต่ำๆค้างไว้นับ 1-30 แล้วค่อยๆ ยืนขึ้น จะทำให้โลหิต บริเวณหนังศีรษะ และใบหน้าหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลกระทบให้ผิวหน้าดูสดใสขึ้น

   3. เอาน้ำแข็งถูหน้า ก่อนนอนจะทำให้หายมันได้ จริงหรือ? เฉลย…ไม่จริง แต่แก้ปัญหาหน้ามันได้โดยการใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าให้ทั่วใบหน้า ทาแล้วไม่ต้องล้างออก เมือกจะแห้งไปเองภายใน ๕ - ๑๐ นาที ทำก่อนนอน แค่นี่หน้าก็จะหาย

   4. การสวมเสื้อผ้าหนาๆ เพื่อให้เหงื่อออกเยอะๆ จะทำให้ผอมเร็วจริงหรือ?
เฉลย…ไม่จริง การที่เหงื่อออกเยอะคือ ภาวะที่ร่างกายโดนความร้อนแล้วระบายความร้อนออกมา ไม่ใช่การเผาผลาญไขมันออกมา เพราะฉะนั้นพอเราดื่มน้ำเข้าไป น้ำหนักก็จะเท่า เดิม

   5. คนผิวแห้งมีโอกาส เกิดริ้วรอยกว่าคนผิวมัน จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะคนผิวแห้งขาด ซีบัม หรือ สารไขมัน ทำให้กลไกลการปกป้องตนเองของผิวหนังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นคนผิวแห้งควรดูแล และทาครีมบำรุงเพื่อความชุ่มชื่นแก่ผิวพิเศษกว่าคนผิวมัน

   6. การฝึกกลั้นหายใจ สามารถชะลอหน้าแก่ก่อนวัยได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง โดยการหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ จนสุดลม แล้วหายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ ให้เต็มปอด กลั้นไว้ระยะหนึ่ง แล้วจึงหายใจออกอย่างช้าๆ ทำแบบนี้วันละ 2 ครั้งๆ ละ 20 นาที จะช่วยชะลอผิวแก่ก่อนวัย และรอยคล้ำ ได้

   7. การร้องไห้ช่วยลดความอ้วนได้ จริงหรือ?
เฉลย…ไม่จริง แต่การหัวเราะต่างหากที่ช่วย เผาผลาญแคลอรีให้หมดไปได้ดีกว่าอยู่เฉยๆ ได้มากถึง 20% ซึ่งหากได้หัวเราะวันละสัก 10 -15 นาที จะช่วยเผาผลาญพลังงานลงได้มาก ถึง 50 แคลอรี



   8. กาวตราช้าง ใช้รักษาส้นเท้าแตกได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะ เมื่อปิดหนังที่แตกด้วย กาวตราช้าง สิ่งสกปรกจะเข้าไปในรอยแตกไม่ได้ ผิวจะไม่ถูกรบกวน จึงมีการซ่อมแซมตนเองขึ้นมา มีการสร้างเซลล์ใหม่ และผลัดเซลล์เก่าออก กาวช้างก็จะหลุดออก ไป แต่ห้ามใช้กับคนที่แพ้กาวตราช้าง

   9. การเต้นรำ ทำให้ผิวสวยได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะ การเต้นรำเพียงวัน ละ 20 นาที ช่วยเผาผลาญแคลอรี กระตุ้นระบบการหายใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต ทำให้เลือดลมเดินทั่วผิว ทำให้ผิวสวยมีสุขภาพดี

   10.การใส่กระโปรงสั้นในห้องแอร์เป็นประจำ ทำให้ขาใหญ่ได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะช่วงขาส่วนที่อยู่นอกกระโปรง จะเกิดการสะสมไขมันเป็นพิเศษ เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ โดยเฉพาะ เมื่อผิวหนังเจอความหนาวเย็น ทำให้เกิดเซลลูไลท์

   11. การแลบลิ้นให้น้ำลายยืดลงพื้น 3 หยด จะแก้เผ็ดได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แคปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฏิกิริยาโดยขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป

   12. ดูดนมยางของเด็กทารก ตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง การคาบหรืออมนมยางของเด็กทารก ไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดานไม่กระเทือน สั่นไหวขึ้นจึงไม่เกิดอาการกรน และไม่นอนอ้าปากอีกด้วย

   13. การสูดกลิ่นตัวผู้ชาย ทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะกลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคนรักนั้น มีสารฟีโรโมนผสมอยู่ โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลดอาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้

   14. แสงแดดอ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะแสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการสร้างฮอร์โมนเมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่ แต่ในที่มืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึมเซาได้

   15. การฟังเพลง ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ?
เฉลย...จริง เพราะ การฟังเพลงทำให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และบรรเทาอาการปวดข้อลงได้

วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

เลือกเสื้อผ้าอย่างไรให้เหมาะกับสีผิว
สาวๆ เวลาจะออกไปไหนมาไหนที ต้องหาเสื้อผ้าให้เข้ากับตัวเองกันให้วุ่นวาย เพื่อให้ตัวเองดูสวยเริ่ดและสะดุดตาที่สุด แต่ถ้าเลือกเสื้อผ้าไม่เหมาะสมกับสีผิวละก็ แย่เลย เหนื่อยใจสุดๆ งั้นวันนี้เรามาดูสีเสื้อผ้าที่เหมาะกับสีผิวของเรากันดีกว่า
สาวผิวคล้ำ ดำ หรือสีแทน ควรใส่เสื้อผ้าสีโทนกลางๆ ไม่อ่อนจัด ไม่สดใสหรือฉุดฉาดเกินไป(แบบว่ากาคาบพริก) สีที่ควรเลือกใส่คือ สีกรมท่า สีน้ำตาลเข้ม สีฟ้า สีม่วง สีเทา สีเขียวเข้ม พยายามหาสีเสื้อผ้าที่กลมกลืนกับสีผิวของคุณ มันจะทำให้คุณดูขาวขึ้น(นิดเดียวนะ)
สาวผิวสีน้ำผึ้ง จริงๆแล้ว คนที่ผิวสีน้ำผึ้งนี้ ก็มีความเซ็กซี่อยู่ในตัวเป็นทุนอยู่แล้ว สีเสื้อผ้าที่ควรเลือกใส่ควรเป็นโทนสีที่ค่อนข้างอ่อน สีที่ดูไม่ร้อนแรงหรือเย็นตาจนเกินไป เช่น สีน้ำตาลอมแดง สีเขียวอมฟ้า สีชมพูอมส้ม สีเลือดนก สีชมพูหม่น เสื้อผ้าควรมีลวดลายลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ด้วย ก็จะทำให้คุณดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
สาวผิวขาวอมชมพู สาวๆ ที่มีผิวแบบนี้ บอกได้เลยว่าน่าอิจฉามาก เพราะน้อยคนนักที่จะมีสีผิวที่สวยขนาดนี้ ดังนั้น การเลือกใส่เสื้อผ้าควรจะเป็นโทนสีอ่อนๆ สดใส เช่น สีฟ้าอมเขียว สีฟ้าอ่อน โกโก้ สีชมพูอ่อน สีส้ม เพราะเสื้อผ้าหวานๆ สดใสๆ จะทำให้คุณยิ่งดูเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น
สาวผิวขาวอมเหลือง สาวผิวขาวขนาดนี้ ก็จะเหมาะกับเสื้อผ้าโทนสีสดๆ แรงๆ อยู่แล้ว ทั้งสีแดง สีเขียว สีฟ้า สีชมพู จะช่วยขับผิวให้คุณดูขาวยิ่งขึ้น อย่างว่าแหละ!!! คนขาว ใส่อะไรก็สวยไปหม๊ด
สาวผิวขาวซีด สาวผิวขาวซีดจะเหมือนคนไม่สบายอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเรามาเสริมให้เราดูสดใสมากขึ้นกันดีกว่า โดยที่เราควรเลือกเสื้อผ้าที่มีโทนค่อนข้างเข้ม หรือหม่นสักเล็กน้อยเพื่อขับสีผิวให้ดูเข้มขึ้นเล็กน้อย เช่น สีแดงเข้ม สีเหลืองอมน้ำตาล สีน้ำตาลไหม้ หรือสีเขียวเข้ม และก็ไม่ควรจะใส่เสื้อผ้าที่สีฉูดฉาด แบบแดงมาก ม่วงสุดๆ เขียวสะท้อนแสง สีเหลือง ห้ามเลยนะจ๊ะ เพราะมันจะยิ่งทำให้คุณดูซีดเข้าไปอีกด้วย
รู้อย่างนี้แล้ว รีบเลย รีบไปหาซื้อเสื้อผ้าที่เหมาะกับสีผิวของเรากันเลยดีกว่า เผื่อเวลาไปงานเลี้ยงที่เจอเพื่อนเก่าๆ เราจะได้สวยเริดเฉิดยิ่งกว่าใครๆ