วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

เรื่องสวยๆ งามๆ ที่เจ้าสาวมักพลาด

ผู้หญิงเราใคร ๆ ก็อยากสวย อยากดูดีที่สุดในวันแต่งงานของตัวเอง ถูกไหมคะ?   แต่เพราะความมุ่งมั่น อยากสวยและความตื่นเต้นอย่างนี้ล่ะค่ะที่ทำให้สาว ๆ พลาดมาหลายคนแล้ว  ซึ่งการพลาด (เรื่องความงาม) ในวันแต่งงานนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาแก้ตัวกันได้ซะด้วยสิคะ  เพราะฉะนั้นเรื่องพลาด ๆ เหล่านี้คุณ (ว่าที่เจ้าสาว) ควรเรียนรู้ไว้ค่ะ
 1.  แต่งหน้ามากเกินไป  แน่นอนว่างานแต่งคืองานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ของคุณ แต่นั่นไม่ได้หมายความคุณต้องแต่งหน้ามากจนกลายเป็นเวอร์ น้อยแต่มาก หรือ Less is more นั้นใช้ได้ไม่ตกยุคค่ะ
 2.  ยึดติดกับเทรนด์มากเกินไป  สมมุติว่าช่วงปีนี้เทรนด์การแต่งหน้าแบบแวววาวมาแรงเหลือเกิน และแน่นอนว่าคุณอยากจะแต่งบ้าง หยุดคิดสักนิดหนึ่งค่ะ  อีกสัก 5 ปีต่อมาคุณคงไม่ต้องการเห็นรูปคุณในการแต่งหน้าแบบแวววาวอีกแล้ว เพราะมันคงดูเชยมาก เพราะฉะนั้นการแต่งหน้าแบบไร้ซึ่งกาลเวลา (คือสวยทุกครั้งที่เห็น แบบคลาสสิก)  ที่เน้นความเป็นธรรมชาติน่าจะดีกว่าไหมคะ
 3.  อย่าให้ใครมาฝืนใจคุณ  เจ้าสาวหลายคนพลาดเพราะเชื่อเพื่อน หรือพ่อแม่ พี่น้อง บางคนแม่มีอิทธิพลมาก ลิปสติกต้องสีนี้ ตาต้องสีนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ชอบแต่ต้องทำตาม นั่นคือคุณพลาดแล้ว  ทำที่ใจชอบ และเหมาะกับคุณดีกว่าค่ะ
 4.  อย่าทำอะไรปุปปับ  ว่าที่เจ้าสาวส่วนมากมักจะเสริมความงามกันใกล้ ๆ วันงาน อย่างไปขัดหน้า ขัดตัว ขัดฟัน ฯลฯ ก่อนงานเพียงสัปดาห์เดียว  ซึ่งไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง เพราะคุณอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น สิวปะทุ หน้าเยินโดยที่ไม่มีเวลาแก้ไข  ทางที่ดีคุณควรทำหลาย ๆ อย่างให้เป็นนิสัยก่อนหน้านั้น ทั้งการดูแลผิวพรรณ การรับประทานอาหารที่ดี หมั่นออกกกำลังกาย ดื่มน้ำให้มาก นอนให้พอ และลดคาเฟอีน
 5.  อย่าลืมอุปกรณ์จำเป็น  ถามช่างแต่งหน้าของคุณก่อนวันงานว่าอะไรคือสิ่งจำเป็นที่ต้องมีไว้เพื่อให้คุณดูสวยตลอดวัน  ไม่ว่าจะเป็นกระดาษซับมัน แป้งที่ช่วยควบคุมความมัน ลิปสติกที่ใช้เติม มาสคาร่ากันน้ำ เผื่อว่าคุณต้องเสียน้ำตา ฯลฯ จะได้ไม่พลาดค่ะ
 6ลุคผิดๆ หลายคนชอบก๊อปปี้ลุคที่ชอบจากแม็กกาซีน ซึ่งบางครั้ง ภาพลักษณ์ (การแต่งหน้า แต่งตัว ฯลฯ)  อย่างนั้นก็ไม่เหมาะกับคุณเลย เรียกว่าพลาดตั้งแต่ต้นแล้วค่ะ
 7.  สวยใสมากไป  เพื่อให้ดูสวยใสเจ้าสาวหลายคนเลยพึ่งการแต่งหน้าแบบใช้ไฮไลท์ชนิดทั่วทั้งใบหน้า ซึ่งการใช้ไฮไลท์มากเกินไปนั้น เวลาถ่ายรูปออกมาหน้าคุณจะดูมันจนเกินงาม ถ้าจะใช้ไฮไลท์ควรแค่บริเวณโหนกแก้ม กับรอบดวงตาก็พอค่ะ
 8.  ชอบกลอสเหลือเกิน  ควรหลีกหนีจากกลอสที่มันวาว ในวันสำคัญนี้ ธรรมชาติของลิปกลอสนั้นไม่ติดทนนาน เพราะฉะนั้นในวันที่สมบุกสมบัน กลอสเอาไม่อยู่ค่ะ เพื่อไม่ให้ดูโทรมใช้ลิปสติกแบบครีม หรือแบบด้านจะปลอดภัยกว่า
 ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ กันพลาดค่ะ

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

เรื่องสวยๆๆงามๆๆ

1. กิน หวาน มากทำให้ผิวเหี่ยว จริงหรือ?เฉลย…จริง เพราะเมื่อร่างกายมีน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดมากเกินไป มันจะไปเกาะติดกับเส้นใยโปรตีนที่อยู่ระหว่างเซลล์ผิว ทำให้เกิดภาวะผิวเครียดขึ้น และนำไปสู่อาการแก่ก่อนวัย ผิวหยาบกร้าน และเหี่ยวย่น ในที่สุด

   2. การยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้า จะทำให้ผิวหน้าดูสดใส จริงหรือ?
เฉลย…จริง โดยการยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้า ก้มตัวต่ำๆค้างไว้นับ 1-30 แล้วค่อยๆ ยืนขึ้น จะทำให้โลหิต บริเวณหนังศีรษะ และใบหน้าหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลกระทบให้ผิวหน้าดูสดใสขึ้น

   3. เอาน้ำแข็งถูหน้า ก่อนนอนจะทำให้หายมันได้ จริงหรือ? เฉลย…ไม่จริง แต่แก้ปัญหาหน้ามันได้โดยการใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าให้ทั่วใบหน้า ทาแล้วไม่ต้องล้างออก เมือกจะแห้งไปเองภายใน ๕ - ๑๐ นาที ทำก่อนนอน แค่นี่หน้าก็จะหาย

   4. การสวมเสื้อผ้าหนาๆ เพื่อให้เหงื่อออกเยอะๆ จะทำให้ผอมเร็วจริงหรือ?
เฉลย…ไม่จริง การที่เหงื่อออกเยอะคือ ภาวะที่ร่างกายโดนความร้อนแล้วระบายความร้อนออกมา ไม่ใช่การเผาผลาญไขมันออกมา เพราะฉะนั้นพอเราดื่มน้ำเข้าไป น้ำหนักก็จะเท่า เดิม

   5. คนผิวแห้งมีโอกาส เกิดริ้วรอยกว่าคนผิวมัน จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะคนผิวแห้งขาด ซีบัม หรือ สารไขมัน ทำให้กลไกลการปกป้องตนเองของผิวหนังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นคนผิวแห้งควรดูแล และทาครีมบำรุงเพื่อความชุ่มชื่นแก่ผิวพิเศษกว่าคนผิวมัน

   6. การฝึกกลั้นหายใจ สามารถชะลอหน้าแก่ก่อนวัยได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง โดยการหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ จนสุดลม แล้วหายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ ให้เต็มปอด กลั้นไว้ระยะหนึ่ง แล้วจึงหายใจออกอย่างช้าๆ ทำแบบนี้วันละ 2 ครั้งๆ ละ 20 นาที จะช่วยชะลอผิวแก่ก่อนวัย และรอยคล้ำ ได้

   7. การร้องไห้ช่วยลดความอ้วนได้ จริงหรือ?
เฉลย…ไม่จริง แต่การหัวเราะต่างหากที่ช่วย เผาผลาญแคลอรีให้หมดไปได้ดีกว่าอยู่เฉยๆ ได้มากถึง 20% ซึ่งหากได้หัวเราะวันละสัก 10 -15 นาที จะช่วยเผาผลาญพลังงานลงได้มาก ถึง 50 แคลอรี



   8. กาวตราช้าง ใช้รักษาส้นเท้าแตกได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะ เมื่อปิดหนังที่แตกด้วย กาวตราช้าง สิ่งสกปรกจะเข้าไปในรอยแตกไม่ได้ ผิวจะไม่ถูกรบกวน จึงมีการซ่อมแซมตนเองขึ้นมา มีการสร้างเซลล์ใหม่ และผลัดเซลล์เก่าออก กาวช้างก็จะหลุดออก ไป แต่ห้ามใช้กับคนที่แพ้กาวตราช้าง

   9. การเต้นรำ ทำให้ผิวสวยได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะ การเต้นรำเพียงวัน ละ 20 นาที ช่วยเผาผลาญแคลอรี กระตุ้นระบบการหายใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต ทำให้เลือดลมเดินทั่วผิว ทำให้ผิวสวยมีสุขภาพดี

   10.การใส่กระโปรงสั้นในห้องแอร์เป็นประจำ ทำให้ขาใหญ่ได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะช่วงขาส่วนที่อยู่นอกกระโปรง จะเกิดการสะสมไขมันเป็นพิเศษ เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ โดยเฉพาะ เมื่อผิวหนังเจอความหนาวเย็น ทำให้เกิดเซลลูไลท์

   11. การแลบลิ้นให้น้ำลายยืดลงพื้น 3 หยด จะแก้เผ็ดได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แคปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฏิกิริยาโดยขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป

   12. ดูดนมยางของเด็กทารก ตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง การคาบหรืออมนมยางของเด็กทารก ไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดานไม่กระเทือน สั่นไหวขึ้นจึงไม่เกิดอาการกรน และไม่นอนอ้าปากอีกด้วย

   13. การสูดกลิ่นตัวผู้ชาย ทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะกลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคนรักนั้น มีสารฟีโรโมนผสมอยู่ โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลดอาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้

   14. แสงแดดอ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะแสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการสร้างฮอร์โมนเมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่ แต่ในที่มืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึมเซาได้

   15. การฟังเพลง ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ?
เฉลย...จริง เพราะ การฟังเพลงทำให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และบรรเทาอาการปวดข้อลงได้

วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

เลือกเสื้อผ้าอย่างไรให้เหมาะกับสีผิว
สาวๆ เวลาจะออกไปไหนมาไหนที ต้องหาเสื้อผ้าให้เข้ากับตัวเองกันให้วุ่นวาย เพื่อให้ตัวเองดูสวยเริ่ดและสะดุดตาที่สุด แต่ถ้าเลือกเสื้อผ้าไม่เหมาะสมกับสีผิวละก็ แย่เลย เหนื่อยใจสุดๆ งั้นวันนี้เรามาดูสีเสื้อผ้าที่เหมาะกับสีผิวของเรากันดีกว่า
สาวผิวคล้ำ ดำ หรือสีแทน ควรใส่เสื้อผ้าสีโทนกลางๆ ไม่อ่อนจัด ไม่สดใสหรือฉุดฉาดเกินไป(แบบว่ากาคาบพริก) สีที่ควรเลือกใส่คือ สีกรมท่า สีน้ำตาลเข้ม สีฟ้า สีม่วง สีเทา สีเขียวเข้ม พยายามหาสีเสื้อผ้าที่กลมกลืนกับสีผิวของคุณ มันจะทำให้คุณดูขาวขึ้น(นิดเดียวนะ)
สาวผิวสีน้ำผึ้ง จริงๆแล้ว คนที่ผิวสีน้ำผึ้งนี้ ก็มีความเซ็กซี่อยู่ในตัวเป็นทุนอยู่แล้ว สีเสื้อผ้าที่ควรเลือกใส่ควรเป็นโทนสีที่ค่อนข้างอ่อน สีที่ดูไม่ร้อนแรงหรือเย็นตาจนเกินไป เช่น สีน้ำตาลอมแดง สีเขียวอมฟ้า สีชมพูอมส้ม สีเลือดนก สีชมพูหม่น เสื้อผ้าควรมีลวดลายลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ด้วย ก็จะทำให้คุณดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
สาวผิวขาวอมชมพู สาวๆ ที่มีผิวแบบนี้ บอกได้เลยว่าน่าอิจฉามาก เพราะน้อยคนนักที่จะมีสีผิวที่สวยขนาดนี้ ดังนั้น การเลือกใส่เสื้อผ้าควรจะเป็นโทนสีอ่อนๆ สดใส เช่น สีฟ้าอมเขียว สีฟ้าอ่อน โกโก้ สีชมพูอ่อน สีส้ม เพราะเสื้อผ้าหวานๆ สดใสๆ จะทำให้คุณยิ่งดูเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น
สาวผิวขาวอมเหลือง สาวผิวขาวขนาดนี้ ก็จะเหมาะกับเสื้อผ้าโทนสีสดๆ แรงๆ อยู่แล้ว ทั้งสีแดง สีเขียว สีฟ้า สีชมพู จะช่วยขับผิวให้คุณดูขาวยิ่งขึ้น อย่างว่าแหละ!!! คนขาว ใส่อะไรก็สวยไปหม๊ด
สาวผิวขาวซีด สาวผิวขาวซีดจะเหมือนคนไม่สบายอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเรามาเสริมให้เราดูสดใสมากขึ้นกันดีกว่า โดยที่เราควรเลือกเสื้อผ้าที่มีโทนค่อนข้างเข้ม หรือหม่นสักเล็กน้อยเพื่อขับสีผิวให้ดูเข้มขึ้นเล็กน้อย เช่น สีแดงเข้ม สีเหลืองอมน้ำตาล สีน้ำตาลไหม้ หรือสีเขียวเข้ม และก็ไม่ควรจะใส่เสื้อผ้าที่สีฉูดฉาด แบบแดงมาก ม่วงสุดๆ เขียวสะท้อนแสง สีเหลือง ห้ามเลยนะจ๊ะ เพราะมันจะยิ่งทำให้คุณดูซีดเข้าไปอีกด้วย
รู้อย่างนี้แล้ว รีบเลย รีบไปหาซื้อเสื้อผ้าที่เหมาะกับสีผิวของเรากันเลยดีกว่า เผื่อเวลาไปงานเลี้ยงที่เจอเพื่อนเก่าๆ เราจะได้สวยเริดเฉิดยิ่งกว่าใครๆ

วันเสาร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2554

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับอาหารสุขภาพ ที่มีคุณประโยชน์สำหรับความงาม
ปัจจุบันทั่วโลกมีผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพที่ให้ สารอาหารซึ่งสามารถซ่อมแซม และบำรุงโครงสร้างผิวมากมายหลายชนิด การรับประทานร่วมกันยังช่วยเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน เพิ่มความนุ่มนวล ชุ่มชื่นและความยืดหยุ่นให้แก่ผิวพรรณ ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ ฟื้นฟูสภาพผิวที่ถูกทำลาย ช่วยในการไหลเวียนของโลหิตบริเวณผิวหนัง ช่วยทำให้เซลล์ผิวหนังกระชับ แข็งแรง ทำให้ผิวพรรณดูสดใส สวยงาม มีชีวิตชีวา อาหารสุขภาพที่มีคุณประโยชน์สำหรับความงาม มีหลายชนิด อาทิเช่น

คอลลาเจน
คอลลาเจน (Collagen) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง มีส่วนสำคัญทำให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ช่วยสร้างความตึงกระชับให้กับผิว (อ้างอิงที่ 1)

สารสกัดจากเมล็ดองุ่น
สารสกัดจากเมล็ดองุ่น เป็นสารประเภทไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoid) มีสารที่สำคัญหลายตัว เป็นกลุ่มของโปรแอนโธไซยานิดิน (Proanthocyanidin) หรือมีอีกชื่อว่า พีซีโอ (PCO ; Procyanidolic Oilgomers) มีประสิทธิภาพสูงในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยทำให้ชะลอการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวจากภายใน และป้องกันการทำลายผิวจากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยทำในประเทศญี่ปุ่น พบว่า สารสกัดจากเมล็ดองุ่นช่วยรักษาฝ้า ได้จริง
(อ้างอิงที่ 2, 3)

ไลโคพีน
เป็นสารแคโรทีนอยด์ส่วนใหญ่ที่พบได้ในมะเขือเทศ มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันการทำลายผิวจากแสงยูวี และแสงแดดได้ ด้วยกลไกการต้านอนุมูลอิสระ การต้านการอักเสบ และกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
(อ้างอิงที่ 4-5)

กรดอัลฟา-ไล โปอิก
เป็นโคเอนไซม์ที่สำคัญในวงจรการเผาผลาญอาหาร และเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์  ยังมีงานวิจัยเรื่องช่วยบำรุงเส้นประสาทในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานอีกด้วย (อ้างอิงที่ 6)

        มี Beta-glucan  ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของผิวต่อเชื้อโรค มลภาวะและชะลอการเสื่อมของเซลล์  ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่ถูกทำลาย นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนของผิวหนัง (อ้างอิงที่ 7 )

สารสกัดจากชาเขียว
มี Polyphenol ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการแก่ของทุกเซลล์ นอกจากนี้ยัง ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย   ช่วยลดความเสี่ยงของผิวต่อการเกิดมะเร็ง และอาจลดความเสี่ยงของมะเร็งอีกหลายชนิด เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะอาหาร (อ้างอิงที่ 8, 9 )

สารสกัดจากบิลเบอร์รี่
มีสารในกลุ่มแอนโธไซยานิน (Anthocyanins) คล้ายกับสารสกัดจากเมล็ดองุ่นเช่นกัน คือมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเสื่อมของเซลล์ และลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง  (อ้างอิงที่ 10)

โคเอนไซม์-คิว เทน
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีชื่อเสียงและมีงานวิจัยตลอดจนมีการนำมาทำเป็น อาหารเสริมทั่วโลก (อ้างอิงที่11)

แอล-กลูตา ไธโอน
กลูตาไธโอน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น ด้วยการลดการสร้างเม็ดสีที่เป็นสีดำในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (อ้าง อิงที่ 12-13)

โปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง
ในถั่วเหลืองมีสารจีเนสทีน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นฮอร์โมนจากพืช มีประโยชน์ในสตรีหมดประจำเดือน ยังมีรายงานว่ามีประโยชน์ในโรคหัวใจ โรคกระดูกบาง  (อ้างอิงที่ 14)

วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามิน ซี สังกะสี และซีลีเนียม
วิตามินบี 1 ช่วยให้ร่างกายได้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต และมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ วิตามินบี 2 ช่วยให้ร่างกายได้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน วิตามินซี มีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงมีส่วนช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจน และเนื้อเยื่อของเอ็นกระดูกอ่อนซีลีเนียมมีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้าน อนุมูลอิสระ ส่วนสังกะสี ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย (อ้างอิงที่ 15)